อนุทิน สั่งคุมเข้มกลุ่ม แรงงานกลับต่างจังหวัด สกัดโควิด

อนุทิน สั่งคุมเข้มกลุ่ม แรงงานกลับต่างจังหวัด สกัดโควิด

อนุทิน แถลงสั่งคุมเข้มกลุ่ม แรงงานกลับต่างจังหวัด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยืนยัน สธ. พร้อมแบ่งเบาภาระ กทม. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วยนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สธ. และ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ. ได้ออกมาร่วมแถลงข่าวภายหลัง การประชุม กับผู้ตรวจราชการ สธ. นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) และ ผอ.รพ.ทั่วประเทศ เพื่อหารือถึงสถานการณ์ของโรคโควิด-19

นายอนุทิน กล่าวว่า ตนได้สั่งการให้ นพ.สสจ.ทุกจังหวัดบริหารจัดการ รพ.ในจังหวัดให้เป็นเครือข่าย ตรวจเช็กทรัพยากรที่มีในการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 

โดยให้ผู้ตรวจราชการ สธ.บริหารจัดการทุก รพ.ในเขตสุขภาพ หากมีความจำเป็นต้องใช้เตียง อุปกรณ์การรักษา ก็ให้บริหารจัดการดูแลภายในเขตสุขภาพ “ส่วนแรงงานที่เดินทางกลับภูมิลำเนาได้ให้ทุกจังหวัดเฝ้าระวังผู้เดินทางเข้ามาในพื้นที่ตามมาตรการเหมือนกับปีที่แล้ว ทั้งการรายงานตัว ให้ อสม.ติดตามผู้เดินทางเข้ามา หรือการกักตัวในโลคัลควอรันทีน ซึ่งในส่วนของแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายก็ต้องให้นายจ้างร่วมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้วย ทั้งหมดถือเป็นการช่วงแบ่งเบาภาระของ กทม. ซึ่งมีการติดเชื้อจำนวนมาก”

“ปัญหาความหนาแน่นอยู่ใน กทม. ซึ่ง สธ.ไม่สามารถเข้าไปบริหารจัดการอะไรได้ แต่พร้อมเข้าไปช่วยแบ่งเบาภาระ กทม. โดย สธ.จะดูแลเรื่องการรักษาอย่างเต็มที่ เพราะอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบ เพื่อไม่ให้มีการป่วยหนักและเสียชีวิต เช่น เปิดเตียงสนามใน รพ.บุษราคัมเพิ่มขึ้นเป็นโคฮอทวอร์ด

ซึ่งเรายังมีศักยภาพในการเพิ่มจำนวนเตียงได้อีกหลายพันเตียง โดยวันนี้จะมีการไปหารือกับทางเมืองทองธานี เพื่อขอใช้สถานที่ต่อจากเดือน ส.ค.ไปอีก รวมถึงการร่วมกับกองทัพบก และรพ.ธนบุรี จัดทำโคฮอทและไอซียูสนาม 186 เตียงที่มณฑลทหารบกที่ 11”

นอกจากนี้รองนายกฯยังได้ระบุอีกว่า ส่วนการป้องกันไม่ให้ติดเชื้อแต่ละวันจะทำในระบบควบคุมโรค ซึ่ง สธ.ทำหน่วยงานเดียวไม่ได้ ต้องอาศัยความร่วมมือหน่วยงานอื่นๆ เช่น ฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายปกครอง ในการเฝ้าระวังคนไม่ให้หนีออกไปหรือลักลอบเข้าประเทศ

สำหรับเรื่องฉีดวัคซีนเน้นย้ำให้ฉีดตามนโยบายของ ศบค. คือ กลุ่มผู้สูงอายุและ 7 กลุ่มโรค ให้เสร็จภายใน 2 เดือน คือ ก.ค.-ส.ค. ซึ่งตอนนี้มีวัคซีนเข้ามาพอเพียง ต้องขอเห็นใจประชาชน ถ้าฉีดสองกลุ่มนี้ได้ อัตราการตายจะลดลง ส่วนประชาชนก็จะฉีดตามวงรอบ ขอให้ความมั่นใจระบบสาธารณสุขยังดำเนินการอยู่ สำหรับภายในมิ.ย.นี้ยืนยันว่าจะฉีดวัคซีนทะลุ 10 ล้านโดสตามที่ตั้งเป้าไว้ ซึ่งขณะนี้ฉีดไปแล้ว 9 ล้านกว่าโดส วัคซีนยังมีในสต๊อกเพียงพอ

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องยาฟาวิพิราเวียร์ องค์การเภสัชกรรม (อภ.) จัดหามาอย่างเพียงพอในทุกเดือน ล่าสุด ผอ.อภ.รายงานว่า ช่วงกลาง ก.ค.ยาฟาวิพิราเวียร์ที่ อภ.ใช้สารตั้งต้นมาผลิตในชื่อ “ฟาเวียร์” น่าจะได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เนื่องจากผ่านการทดสอบชีวสมมูลแล้ว โดย ส.ค.จะเริ่มผลิตได้ ช่วงแรกผลิตเดือนละ 2 ล้านเม็ด และหากผลิตได้เพิ่มก็จะช่วยลดการนำเข้า

ด้านนายสาธิต กล่าวว่า แนวทางการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มสีเขียวที่บ้านระหว่างรอเตียง (Home Isolation) อยู่ภายใต้การการพิจารณาของบุคลากรทางการแพทย์ และอยู่ในระบบการตรวจสอบ ติดตามอาการ หากอาการเปลี่ยนแปลงมีระบบส่งต่อไปรักษาตัวยัง รพ. โดยเริ่มดำเนินการแล้ววันนี้ (28 มิ.ย.) เฉพาะพื้นที่ กทม.

เสนอลดเงินเดือน นักการเมือง-ข้าราชการ เยียวยาร้านอาหาร

นายกสมาคมภัตตาคารไทย เสนอมาตรการเยียวยา ร้านอาหาร ลดเงินเดือน นักการเมืองและข้าราชการทั่วประเทศ 5-10% ประมาณ 1-3 เดือน นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย แนะ รัฐบาล พิจารณาลดเงินเดือนนักการเมืองและข้าราชการทั่วประเทศ 5-10% นาน 1-3 เดือน เพื่อนำเงินมาช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาไม่สามารถประกอบอาชีพได้จากการระบาดของโควิด-19

หากคนเหล่านี้(นักการเมือง-ข้าราชการ) ยังรับเงินเดือนตามปกติ จะไม่มีทางเข้าใจคนเดือดร้อน เนื่องจากรายได้ลดลง แต่ภาระค่าใช้จ่ายยังเท่าเดิมได้

นายกสมาคมภัตตาคารไทย กล่าวต่อว่า การที่รัฐบาลออกมาตรการควบคุม ไม่ให้นั่งทานในร้าน แบบไม่เยียวยาใดๆ ยิ่งเป็นการซ้ำเติมผู้ประกอบการหนักเข้าไปอีก

ขณะเดียวกันยังแนะ รัฐบาล ช่วยพยุงร้านอาหารด้วยการ จัดซื้อข้าวกล่องจากร้าน วันละ 200,000 กล่อง ในราคากล่องละ 50 บาท เท่ากับใช้เงินวันละ 10 ล้านบาท หรือเดือนละ 300 ล้านบาท

ช่วยเหลือผู้ประกอบการร้านอาหารในช่วง 1 เดือนนี้ก่อน แถมรัฐบาลยังสามารถนำอาหารกล่องเหล่านี้ แจกจ่ายคนงานในแคมป์ก่อสร้าง หลังจากรัฐบาลสั่งปิดได้ด้วยอีกทาง

ทั้งนี้ หลังเริ่มประกาศใช้คำสั่งคุมเข้มพื้นที่ดังกล่าว ในวันนี้ (28 มิ.ย.64) ปรากฏ มีร้านอาหารหลายแห่งออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลหาช่องทางเยียยวยารองรับ

ขณะที่บางร้านถึงกับเตรียมเลิกจากพนักงาน อาทิ นายวีรฤทธิ์ แกล้วชิต เจ้าของร้าน หมึกเกยตื้น สาขาประดิพัทธ์ ที่ล่าสุดยอมรับว่าเตรียมปลดพนักงาน 3 สาขา

แนะนำ : รีวิวหนังไทย | คู่มือพ่อแม่มือใหม่ | แม่และเด็ก | เรื่องผี | แคคตัส กระบองเพชร