ร้านนวดเปิดสปาบังหน้า ค้าบริการทางเพศ พบเด็กสาวสวมชุดนศ.เพียบ

ร้านนวดเปิดสปาบังหน้า ค้าบริการทางเพศ พบเด็กสาวสวมชุดนศ.เพียบ

วานนี้ (3 พ.ย.) ตำรวจได้รับเบาะแสจากสื่อโซเชียลมีเดียว่าร้าน Bedroom Spa ซึ่งตั้งอยู่ในย่านตลิ่งชัน เปิดบริการเป็นร้านนวดสปา แต่มีการโฆษณาเผยแพร่ภาพของหญิงสาววัยรุ่นจำนวนหลายคน พร้อมข้อความเชิญชวนในลักษณะค้าประเวณีและสนองทางเพศในรูปแบบอื่นอย่างโจ่งแจ้ง

นอกจากนี้ ยังพบข้อความระบุอีกว่าหญิงสาววัยรุ่นตามภาพนั้นเป็นเด็กนักเรียนมัธยม 

มีหมายเลขโทรศัพท์แอปพลิเคชั่นไลน์ของร้าน ไว้เป็นช่องทางติดต่อในการส่งภาพถ่ายพนักงานนวดให้ลูกค้าเลือกก่อนมาใช้บริการ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้วางแผนจับกุมโดยติดต่อทางไลน์ ทางร้านได้ส่งข้อมูลราคาค่าบริการพร้อมภาพพนักงานนวดเด็กสาวให้เลือกก่อนมาใช้บริการจริง จึงติดต่อเลือกพนักงานนวดที่เข้าข่ายอายุไม่เกิน 18 ปี จำนวน 3 คน คือ น้องเอ น้องบี และน้องซี (นามสมมุติ) อัตราค่าบริการคนละ 1,900 บาท/ชั่วโมง รวมเป็นเงิน 5,700 บาท

ทางร้านโฆษณาว่าเด็กสาวจะให้บริการออรัลเซ็กซ์ แต่ถ้าหากลูกค้าต้องการมีเพศสัมพันธ์กับเด็กสาวด้วย จะต้องจ่ายเงินเพิ่มให้เด็กสาวอีก ในอัตรา 1,500 – 3,000 บาท แล้วแต่จะตกลงราคากันได้ จากนั้นจะมีการโอนเงินค่ามัดจำในการจองก่อนเป็นเงิน 1,000 บาท ผ่านทางบัญชีธนาคารฯ ของนายแมน (นามสมมุติ) (ผู้ถูกจับ)

เมื่อไปถึงร้าน ได้พบ นายแมน ซึ่งแสดงตนเป็นผู้ดูแลร้านและได้เรียกพนักงานนวดทั้ง 3 คน ที่เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบได้เลือกไว้มาต้อนรับที่บริเวณห้องโถงรับแขก ก่อนเข้าทำการจับกุม

จากการตรวจสอบภายในร้านมีหญิงสาววัยรุ่นรอให้บริการกับลูกค้าอีกประมาณ 10 คน ซึ่งบางคนแต่งเครื่องแบบของสถาบันการศึกษาระดับต่างๆ พร้อมพบสมุดลงเวลาการทำงานของพนักงานในร้าน จำนวน 2 เล่ม และพบธนบัตรที่ใช้ในการล่อซื้อ ของนายแมน และพบโทรศัพท์มือถือ ซึ่งภายในเครื่องมีรูปภาพเปลือยของเด็กสาวและพนักงานหญิงของร้านจำนวนมาก

นอกจากนี้ยังพบถุงยางอนามัยที่ใช้แล้วอยู่ในถังขยะในห้องนวดอีกด้วย เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

วานนี้ (3 ธ.ค.) ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองได้ร่วมกันจับกุมนายอูเชนน่า ฟรายเดย์ อายุ 32 ปี ชาวไนจีเรีย และนางปภาพร อายุ 37 ปี พร้อมของกลางไอซ์ น้ำหนัก 520 กรัม ภายหลังสืบทราบว่ามีหญิงชาวไทยถูกจับกุมในประเทศญี่ปุ่นพร้อมไอซ์หลายราย ขณะกำลังลักลอบเข้าประเทศญี่ปุ่น

เจ้าหน้าที่ขยายผลทราบว่ามีแก๊งชาวแอฟริกันเป็นผู้ว่าจ้างอยู่เบื้องหลัง ชุดสืบสวนจึงให้สายลับติดต่อกับนายอูเชนน่า ว่าจ้างให้ขนไอซ์จำนวน 520 กรัม ไปขายที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะตกราคากรัมละ 1.7 หมื่นบาท รวมมูลค่าทั้งหมดประมาณ 8.8 ล้านบาท โดยซุกซ่อนใส่ถุงยางสอดเข้าไปในช่องคลอด และจะออกค่าเดินทางตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ในคืนวันที่ 30 พ.ย. ที่ผ่านมา รวมค่าจ้างเที่ยวละ 50,000 บาท โดยนัดเจอที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านอุดมสุข

เจ้าหน้าที่พบน.ส.ปภาพรขับรถยนต์มาถึงและนำไอซ์ของกลาง 2 แท่ง มาให้กับสายลับ จึงแสดงตัวจับกุมได้พร้อมของกลางไอซ์และเงินสด 800 ดอลล่าห์สหรัฐ หรือ 2.4 หมื่นบาท โดยน.ส.ปภาพรรับสารภาพ จึงแจ้งข้อหามียาเสพติดเพื่อจำหน่าย และเพิ่มข้อหานายอูเชนน่า ด้วยข้อหาเป็นต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด

พนักงานไทย-เมียนมาร์ ร้านซีฟู้ดหน้าหาดกะรน ปะทะ ลูกค้าชาวอเมริกัน ไล่ตีชุลมุล

จากกรณีที่เพจ ‘เหยี่ยวข่าว ภูเก็ต Newshawk Phuket’ เผยแพร่คลิปความยาวประมาณ 30 วินาที พร้อมระบุว่า ‘ที่กะรน เกิดอะไรขึ้น….. เหตุเกิดเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2562 ช่วงเวลา 16.00 น. ที่เกิดเหตุบนถนนหน้าหาดกะรน จังหวัดภูเก็ต’ ซึ่งในคลิปเผยให้เห็นเหตุการณ์ชุลมุน เป็นการปะทะกันระหว่างกลุ่มคนไทยผสมเมียนมาร์ที่วิ่งไล่ตามชาวต่างชาติรายหนึ่ง

ล่าสุดวันนี้ (4 พ.ย.) พ.ต.อ.ประวิทย์ สุทธิเรืองอรุณ ผกก.สภ.กะรน จ.ภูเก็ต เปิดเผยเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวว่า ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่รายงานข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น โดยทราบว่า เมื่อเวลาประมาณ 16.30 น. วันที่ 2 ธ.ค. ที่ผ่านมา ตำรวจสภ.กะรน ได้รับแจ้งเหตุทำร้ายร่างกาย บริเวณร้านอาหารซีฟู๊ดแห่งหนึ่ง บริเวณ ถ.เลียบหาดกะรน

ในที่เกิดเหตุพบ ชายอเมริกันอายุ 44 ปีชื่อ นายคอนเนลลี (Connelly) พร้อมด้วยพนักงานร้านอาหารที่เกิดเหตุอีก 3 รายได้แก่ ชาวไทยหนึ่งรายคือ น.ส.ธีราพร ฐิตะยาภรณ์ อายุ 27 ปี และชาวเมียนมาร์สองรายคือ นายอาวมิน เว้น อายุ 20 ปี กับนายนาดี อายุ 21 ปี

จากการสอบสวน พบว่า นายคอนเนลลีได้พูดคุยกับพนักงานในร้ายอาหารเกี่ยวกับเรื่องอาหาร และเกิดความเข้าใจผิดกันขึ้น ส่งผลให้เกิดเหตุทะเลาะวิวาทที่กฎตามคลิปวีดิโอ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้ทั้งสองฝ่ายพูดคุยปรับความเข้าใจ และรับสารภาพว่าได้สมัครใจทะเลาะวิวาททำร้ายกัน แต่บาดแผลไม่ถึงได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ

จากนั้น ตำรวจได้เปรียบเทียบปรับคู่กรณีทั้งสองฝ่ายในข้อหาทำร้ายร่างกายไม่ถึงได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ คนละ 500 บาท ซึ่งทั้งสองฝ่ายไม่ติดใจเอาความทั้งแพ่งและทางอาญากันแต่อย่างใด

แนะนำ : รีวิวหนังไทย | คู่มือพ่อแม่มือใหม่ | แม่และเด็ก | เรื่องผี | แคคตัส กระบองเพชร