จับแล้ว หนุ่มฆ่ายกครัว 3 ศพบ้านดู่

จับแล้ว หนุ่มฆ่ายกครัว 3 ศพบ้านดู่

ฆ่ายกครัวบ้านดู่ – จากรณีวันที่ 2 ธ.ค. ตำรวจพบศพ นายอุดม กิมสี พนักงานของเทศบาลต.บ้านดูฝ่ายจัดเก็บรายได้ และ นางณัชชา กิมสี ภรรยา  รวมถึงลูกสาว นางสาว เสาวรส กิมสี อายุ 26 ปี เสียชีวิตอยู่ในบ้านพัก บ้านเลขที่  307 หมู่ 3 ตำบลบ้านดู่ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย หน้าบ้านเขียนว่าคุ้มพะลอ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 วัน โดยเบาะแสคือบ้านใกล้เคียงได้ยินเสียงปืนดังขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 28 พ.ย. แต่ไม่มีใครเอะใจอะไร ต่อมาชุดตำรวจได้ติดตามนายนวล แฟนหนุ่มของนางสาวเสาวรสที่เพิ่งคบหากันมาสอบสวนว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุฆาตกรรมยกครัว 3 ศพหรือไม่

ล่าสุด คืนวันที่ 2 ธ.ค. ตำรวจ แฟนหนุ่ม ทราบชื่อต่อมา คือ นายวราธร คุณะแสงคำ 

ได้หลบหนีกับไปมารดาจนมาจนมุมตำรวจ ที่ ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ โดยการสอบสวนนายวราธร ให้การรับสารภาพว่า คืนวันที่ 28 พ.ย. ได้ยิง นางสาวเสาวรสแฟนสาว เนื่องจากทะเลาะกัน พ่อกับแม่ผู้ตายมาเห็นจึงถูกยิงไปด้วย จากนั้นตนได้หลบหนีไป

วันที่ 3 ธ.ค. สำนักงานตรวจเงินเข้าเมือง แถลงข่าวการจับกุม นายอูเชนน่า (UCHENNA) อายุ 32 ปี สัญชาติไนจีเรีย และนางปภาพร อายุ 37 ปี สัญชาติไทย พร้อมของกลางยาไอซ์ น้ำหนักประมาณ 520 กรัม แบ่งเป็นสองแท่งห่อด้วยถุงยาง

จากการสืบสวนทราบว่าทั้งสองอยู่ในขบวนการแก๊งค้ายาเสพติดที่ลอบขนยาเสพติดเข้าประเทศญี่ปุ่น โดยหัวโจกชาวแอฟริกันจะจ้างหญิงไทยหลายรายลอบขนยาเสพติดด้วยค่าจ้าง  500,000 บาท ตำรวจรู้ว่าจะมีการนัดหมายดำเนินการเมื่อวันที่ 30 พ.ย. ก็ไปดักจับที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ย่าน ถ.อุดมสุข จนได้ตัวผู้ต้องหา 2 รายดังกล่าว โดยพฤติการณ์ตบตาเจ้าหน้าที่ในการขนยาเสพติดคือซุกซ่อนไอซ์ไว้ในช่องคลอดแจ้ง

ทั้ง 2 คนโดนข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต” และแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมนายอูเชนน่าฯ ว่า “เป็นบุคค

ลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด” เบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จากนั้นจึงได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวนกองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติดเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้หากยาไอซ์ล็อตนี้สามารถลักลอบเข้าประเทศญี่ปุ่นได้ จะมีมูลค่าถึง กรัมละ 17,000 บาท หรือ รวมประมาณ 8,840,000 บาท

ก่อนหน้านี้ น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นอภิปรายถึงกรณีเหมืองทองอัคราว่า ความเสียหายของแผ่นดินเกิดจากน้ำมือและการตัดสินใจที่ผิดพลาดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยจุดเริ่มต้นมาจากการรัฐประหารปี 2557 ทำให้ประเทศได้ผู้นำที่ลุแก่อำนาจ เสพติดการใช้อำนาจที่ประชาคมโลกไม่ยอมรับ สร้างความเสียหายต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน

ไลน์แมนควงปืนปล้นแบงก์ สุดท้ายโดนพนักงานแบงก์รวบ

วานนี้​ (2 ธ.ค.) ตำรวจสน.คลองตัน ได้รับแจ้งเหตุมีคนร้ายชิงทรัพย์ธนาคารทหารไทย สาขาถนนพัฒนาการ แขวงและเขตสวนหลวง กทม. โดยที่เกิดเหตุอยู่ปากซอยพัฒนาการ 48 ฝั่งขาเข้า เป็นอาคารพาณิชย์ติดกัน 2 คูหา สูงจำนวน 4 ชั้น ด้านนอกมีตู้บริการฝาก-ถอนเงิน 2 ตู้ และตู้ปรับสมุดบัญชี 1 ตู้ ส่วนด้านในเป็นจุดบริการสำหรับลูกค้าที่ติดต่อทำธุรกรรมการเงินจำนวน 3 เคาน์เตอร์

ภายในพบพนักงานธนาคาร 3-4 คน อยู่ในอาการตกใจ ขณะที่คนร้ายถูกพนักงานธนาคารและพลเมืองดีได้ช่วยกันจับตัวไว้ได้ ทราบชื่อต่อมาคือนายพิชิต ศรีใสคำ อายุ 23 ปี อาชีพพนักงานไลน์แมน เป็นชาว ต.หนองใหญ่ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ โดยพบอาวุธปืนปลอมสีดำ 1 กระบอก กระสุนปืนขนาด 9 ม.ม. 1 นัด โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง คีม 1 อัน สนับมือ 1 อัน กระเป๋าใบใหญ่สีเทา 1 ใบ เสื้อแจ๊กเก็ตหมวกกันน็อกแบบเต็มใบสีน้ำเงิน-แดง 1 ใบ และรถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟไอ สีขาว-แดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน 1 คัน

จากการสอบปากคำ พนักงานธนาคารเล่าว่า ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 14.40 น. ขณะที่ตนกำลังปฏิบัติหน้าที่ให้บริการลูกค้าที่มาใช้บริการบริเวณหน้าเคาน์เตอร์พร้อมกับพนักงานคนอื่นอีก 3-4 คน มีคนร้ายเป็นชายสูงประมาณ 160-165 ซม. ขับรถจักรยานยนต์เข้ามา จอดติดเครื่องไว้บริเวณด้านหน้าธนาคาร สวมหมวกกันน็อกเต็มใบสีน้ำเงินแดง แจ็กเก็ตสีดำแขนยาว กางเกงขายาวสีดำ เดินเข้ามา

คนร้ายพยายามกระโดดเข้ามาภายในเคาน์เตอร์ช่องที่ 2 พร้อมกับตะโกนว่า ‘นี่คือการปล้น’ หลังจากสิ้นเสียงของคนร้าย ตนจึงคว้ากระเป๋าคาดหน้าอกของคนร้ายไว้จนเสียหลักล้มลงมาในเคาน์เตอร์ จากนั้นได้ตะโกนให้เพื่อนพนักงานและพลเมืองดีเข้ามาควบคุมตัว ก่อนแจ้งเจ้าหน้าที่เข้ามาจับกุม

จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ลงมือก่อเหตุจริงและทำเป็นครั้งแรก โดยจะขี่รถจักรยานยนต์ตระเวนดูตามธนาคารต่างๆ ในบริเวณใกล้เคียงจำนวน 2-3 แห่ง ก่อนจะมาดูที่ธนาคารนี้ ซึ่งไม่มีพนักงานรักษาความปลอดภัย จึงตัดสินใจลงมือเข้าไปก่อเหตุ

ส่วนสาเหตุที่ก่อเหตุ เนื่องจากติดค้างค่าเช่าห้องพักมา 2 เดือน ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวไปค้นห้องเช่าในซอยรามคำแหง 1/1 แขวงและเขตสวนหลวง ซึ่งจากการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมไม่พบว่าเคยก่อเหตุอาชญากรรมแต่อย่างใด

นอกจากนี้ มีรายงานว่า ธนาคารดังกล่าวเคยถูกก่อเหตุในลักษณะเดียวกันมาแล้วเมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 2561 ซึ่งคนร้ายที่ก่อเหตุสวมหมวกกันน็อคสีขาวเต็มใบและใช้รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ สีน้ำเงิน-เทา ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ได้เงินไปจำนวน 105,320 บาท และหลบหนีไป ก่อนจะถูกจับกุมตัวได้ที่บ้านพักย่านสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 2 ม.ค. 62 ที่ผ่านมา

แนะนำ : รีวิวหนังไทย | คู่มือพ่อแม่มือใหม่ | แม่และเด็ก | เรื่องผี | แคคตัส กระบองเพชร